28.12.51

ทับทิม (Pomegranate)

ชื่ออื่น

มะแก๊ะ(เหนือ) มะก่องแก้ว พิลาขาว(น่าน) หมากลิง(เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) พิลา(หนองคาย) เจียะลิ้ว(จีน)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ต้น
ไม้ยืนต้น พุ่มขนาดกลาง เปลือกลำต้นมีสีเทา กิ่งหรือยอดอ่อนเป็นเหลี่ยม
ใบ
รูปรียาว โคนใบมนแคบ ปลายใบเรียวแหลม สั้นผิวหลังใบเกลี้ยงเป็นมัน เส้นใต้ท้องใบ เห็นชัด
ดอก
ออกเป็นช่อ หรือดอกเดี่ยว ออกบริเวณปลาย ยอดหรือตามง่ามกิ่ง ดอกมีสีส้ม สีขาว หรือ สีแดง มี 6 กลีบ ปลายกลีบดอกจะแยกออก จากกัน ตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้และตัวเมีย
ผล
ค่อนข้างกลม ผิวเปลือกนอกหนาเกลี้ยง ผลแก่ มีสีเหลืองปนแดง ผลแตกหรืออ้าออก ข้างใน ผลมีเมล็ดจำนวนมาก เป็นรูปเหลี่ยม สีชมพู สด

การใช้ประโยชน์

ใช้เป็นอาหาร
ผลแก่จัด รับประทานเป็นผลไม้ หมักทำสุราผลไม้ ทำน้ำผลไม้


คุณค่าทาง โภชนาการ
เนื้อผล มีกรดอินทรีย์สารหลายชนิด มีวิตามินซี ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม และสารอื่น ๆ

ใช้เป็นยา
ใบ แก้ท้องร่วงได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แก้บิดมูกเลือด และสมานแผล ดอก แก้หู ชั้นในอักเสบ และบดโรยแผลสดที่เลือด ออก เนื้อหุ้มเมล็ด เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงหัวใจ และทำให้ชุ่มชื่นใจ เปลือก ลูก ต้มน้ำดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว ต้มเอาน้ำชะบาด แผล สมานแผล ล้างหรือโรยแผลเน่า เปื่อยพุพอง เปลือกต้น ต้น และราก ถ่าย พยาธิ เปลือกราก ต้มดื่ม แก้ระดูขาว แก้ ตกเลือด และถ่ายพยาธิ

น้ำทับทิม
ส่วนผสมเมล็ดทับทิม 1 ถ้วยน้ำเชื่อม1/4 ถ้วยน้ำต้มสุก 1 ถ้วยเกลือป่น
วิธีทำ 1.เอาเมล็ดทับทิมขยำกับน้ำต้ม ให้เนื้อ หลุดจากเมล็ดมากที่สุด2.กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่ลงหม้อ ตั้งไฟ 5 นาที ยกลง3.ใส่น้ำเชื่อม เกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากัน และเกลือละลาย ชิมารให้ออกเปรี้ยว หวาน และเค็มเล็กน้อย4.เทใส่ขวดที่ลวกน้ำร้อนแล้ว ปิดฝา น้ำไปแช่ตู้เย็นไว้ จะได้เครื่องดื่มสีชมพู ใสดื่มเย็น ๆ

น้ำทับทิมต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก

น้ำทับทิมสีแดงเข้มอาจกลายมาเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิต เมื่อนักวิจัยสหรัฐพิสูจน์แล้วว่า ช่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ จากการทดสอบในจานวิจัยในห้องปฏิบัติการและการทดสอบในหนู เล็งทดสอบขั้นต่อไปในมนุษย์จากการวิจัยที่รายงานในระเบียบการประชุมของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ นำทีมโดย ศ.ดร.ฮาซาน มัคห์ตาร์ ศาสตราจารย์ว่าด้วยโรคผิวหนังจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน หัวหน้าทีมวิจัย ที่ทำให้หนูเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแบบของมนุษย์ แล้วทดสอบให้ดื่มน้ำทับทิม พบว่า ก้อนมะเร็งหดเล็กลง เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้ดื่ม เป็นผลเนื่องจากในน้ำผลไม้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ผักและผลไม้รักษาสีสันและเป็นสารที่ทำหน้าที่ต้านสารเคมีที่เข้ามาทำลายเซลล์ นั่นก็คืออนุมูลอิสระ ตัวการก่อโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ"จากผลการวิจัยขั้นแรกของพวกเราเพิ่มหลักฐานว่าทับทิมมีสารที่ต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่จะทดสอบผลไม้ชนิดนี้ในมนุษย์ ควบคู่ไปทั้งทางด้านป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง" ศ.ดร.มัคห์ตาร์ กล่าวถึงแม้งานวิจัยชิ้นนี้ยังจะอยู่อีกไกลจากการรักษาหนูที่ถูกทำให้เป็นมะเร็งของมนุษย์สู่การรักษาคนจริงๆ แต่ในงานวิจัยอื่นๆ เองก็มีการนำเสนอว่า น้ำทับทิมและอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอาจช่วยต่อสู้กับมะเร็งได้เช่นกันมะเร็งต่อมลูกหมากนับเป็นมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ชายเป็นอันดับ 2 รองมาจากมะเร็งปอด ซึ่งในปีนี้สมาคมมะเร็งอเมริกัน ชี้ว่าโรคนี้ทำชายเสียชีวิตไปแล้วถึง 3 หมื่นราย และชายชาวอเมริกันจะเป็นโรคนี้มากกว่า 230,000 คนเลยทีเดียว หลายๆ คนที่เป็นเลือกที่จะไม่รักษา แต่เฝ้าระวังการเจริญเติบโตอย่างช้าของก้อนเนื้องอกมากกว่า

คุณสมบัติ "ทับทิม 100%" จากน้ำทับทิมเข้มข้น

ทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทยทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 80 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่า ทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
* ขจัดไขมันส่วนเกิน
* เป็นยาบำรุงกำลัง
* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
* ทำให้ผิวหน้าสวย


การวิจัยทางการแพทย์ ของน้ำทับทิม การวิจัยทางการแพทย์ พบว่าในน้ำทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก (อ้างอิงที่ 1) ด้วยความสามารถที่สูงของ สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม ถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆกันอีกต่อไป งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะ การแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีความสำคัญทางการแพทย์

น้ำทับทิมช่วยผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้อย่างไร

มะเร็งเต้านม เป็นโรคร้ายที่เกิดในสตรีไทย (พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปากมดลูก) ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่
1. ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นช่วงอายุที่เริ่มเข้าสู่วัยทอง ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง มีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ ได้สูง โดยเฉพาะโรคมะเร็งของระบบต่าง ๆ
2. ผู้ที่คนในครอบครัว (แม่ พี่สาว น้องสาว) ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม กลุ่มนี้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม 3 เท่าของคนปกติ เพราะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมทางสายเลือด
3. ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่ไม่มีบุตรหรือมีบุตรน้อย หรือไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง จะทำให้มีการคั่งของน้ำนมในท่อน้ำนมเป็นเวลานาน ๆ ทำให้มีการระคายเคืองและการอักเสบของท่อน้ำนม เป็นสาเหตุทำให้กลายเป็นมะเร็งเต้านมได้
4. ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารประเภทไขมัน (โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์) ในอเมริการมีรายงานว่าในสตรีที่กินอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ในปริมาณที่สูงอยู่เป็นประจำ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าสตรีที่กินไขมันจากสัตว์น้อย
5. ผู้หญิงที่อ้วนและเต้านมใหญ่ จากการศึกษาพบว่าสตรีที่อ้วนและเต้านมใหญ่ (โดยเฉพาะสตรีชาวยุโรป และ อเมริกา) มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้มากกว่า เนื่องจากผู้ที่มีเต้านมใหญ ต่อมน้ำนมจะเจริญและทำงานได้มาก ต่อมน้ำนมที่เจริญมากก็อาจกลายเป็นมะเร็งเต้านมได้
6. ผู้ที่รับประทานฮอร์โมนเพศหญิงโดยไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ ฮอร์โมนเพศหญิงที่มีวางขายทั้งในรูปยาไทย ยาจีน ยาฝรั่ง บางชนิดไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ รวมทั้งสมุนไพร "กวาวเครือ" ก็มีฮอร์โมนเพศหญิงด้วย (เพราะผู้ที่กินกวาวเครือแล้วเต้านมจะใหญ่ขึ้น ต่อมน้ำนมเจริญมากแบบผิดปกติจะกลายเป็นมะเร็งเต้านมได้)
7. ผู้ที่ถูกบีบเค้นเต้านมอยู่เสมอ ๆ หรือเต้านมไปกระทบของแข็งอย่างแรง ๆ กลุ่มนี้จะทำให้เซลไขมันเสื่อมและตาย (เกิดมีการเน่าตายของไขมันของเต้านม) กลายเป็นมะเร็งเต้านมได้
8. กลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ผู้ที่รับเอาสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายบ่อย ๆ ผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ และผู้ที่มีภาวะเครียดเป็นประจำน้ำทับทิมช่วยผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้อย่างไรทับทิม เป็นผลไม้ที่ถูกนำมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ในทางการแพทย์มากมาย และได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำทับทิมในการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของคน ว่าช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในคน และยับยั้งเซลล์มะเร็งในคนที่ป่วยแล้วได้จริง แต่ไม่ได้รักษาโรคมะเร็งให้หายขาด (ตามเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ) โดยหลักการทำงานของน้ำทับทิมในการป้งอกันโรคมะเร็งเต้านมคือ :-
1. ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง (อนุมูลอิสระคือตัวการที่ทำให้คนแก่ง่ายและเป็นมะเร็ง) โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกาย (โดยเฉพาะเซลล์ไขมันที่เต้านม) มีความแข็งแรง เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มีความต้านทานต่อพิษของสารก่อมะเร็ง จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้
2. ในกรณีที่คนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม จะช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายลุกลามมากขึ้น ดังนี้
2.1 สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม จะไปยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น (คือเซลล์มะเร็งมีปริมาณเท่าเดิม ไม่ขยายวงกว้างขึ้น)
2.2 สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปดูแลเซลล์ดี ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เซลล์มะเร็ง ให้มีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน เซลล์มะเร็งจึงลุมลามมาทำอันตรายไม่ได้ หรือได้น้อย

27.12.51

น้ำทับทิมช่วยละลายไชมันในเส้นเลือด

คุณสมบัติ"ทับทิม 100% จากน้ำทับทิมเข้มข้น ทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 80 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่า ทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้


* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ


* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ


* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย


* ขจัดไขมันส่วนเกิด


* เป็นยาบำรุงกำลัง


* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง


* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน


* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต


* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน


* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ


* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง


* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ


* ทำให้ผิวหน้าสวย

การวิจัยทางการแพทย์ ของน้ำทับทิม การวิจัยทางการแพทย์ พบว่าในน้ำทับทิม มีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก (อ้างอิงที่ 1) ด้วยความสามารถที่สูงของ สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม มีผลถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆกันอีกต่อไป งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีความสำคัญทางการแพทย์ ขนาดรับประทาน : รับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 ซีซี) ต่อวัน เวลาใดก็ได้

น้ำทับทิมต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก

น้ำทับทิมสีแดงเข้มอาจกลายมาเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิต เมื่อนักวิจัยสหรัฐพิสูจน์แล้วว่า ช่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ จากการทดสอบในจานวิจัยในห้องปฏิบัติการและการทดสอบในหนู เล็งทดสอบขั้นต่อไปในมนุษย์จากการวิจัยที่รายงานในระเบียบการประชุมของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ นำทีมโดย ศ.ดร.ฮาซาน มัคห์ตาร์ ศาสตราจารย์ว่าด้วยโรคผิวหนังจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน หัวหน้าทีมวิจัย ที่ทำให้หนูเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแบบของมนุษย์ แล้วทดสอบให้ดื่มน้ำทับทิม พบว่า ก้อนมะเร็งหดเล็กลง เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้ดื่ม เป็นผลเนื่องจากในน้ำผลไม้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ผักและผลไม้รักษาสีสันและเป็นสารที่ทำหน้าที่ต้านสารเคมีที่เข้ามาทำลายเซลล์ นั่นก็คืออนุมูลอิสระ ตัวการก่อโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ"จากผลการวิจัยขั้นแรกของพวกเราเพิ่มหลักฐานว่าทับทิมมีสารที่ต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่จะทดสอบผลไม้ชนิดนี้ในมนุษย์ ควบคู่ไปทั้งทางด้านป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง" ศ.ดร.มัคห์ตาร์ กล่าวถึงแม้งานวิจัยชิ้นนี้ยังจะอยู่อีกไกลจากการรักษาหนูที่ถูกทำให้เป็นมะเร็งของมนุษย์สู่การรักษาคนจริงๆ แต่ในงานวิจัยอื่นๆ เองก็มีการนำเสนอว่า น้ำทับทิมและอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอาจช่วยต่อสู้กับมะเร็งได้เช่นกันมะเร็งต่อมลูกหมากนับเป็นมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ชายเป็นอันดับ 2 รองมาจากมะเร็งปอด ซึ่งในปีนี้สมาคมมะเร็งอเมริกัน ชี้ว่าโรคนี้ทำชายเสียชีวิตไปแล้วถึง 3 หมื่นราย และชายชาวอเมริกันจะเป็นโรคนี้มากกว่า 230,000 คนเลยทีเดียว หลายๆ คนที่เป็นเลือกที่จะไม่รักษา แต่เฝ้าระวังการเจริญเติบโตอย่างช้าของก้อนเนื้องอกมากกว่า

น้ำทับทิมช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันต่อมลูกหมากโต

มาทานทับทิมเพื่อสุขภาพกันดีกว่าค่ะ ทับทิมเป็นผลไม้ที่เป็นอาหารบำรุงร่างกาย แถมมีคุณสรรพคุณมาก ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันมะเร็ง และช่วยป้องกันต่อมลูกหมากโต หาทานง่ายราคาไม่แพง ที่สำคัญทับทิมมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยป้องกันสุขภาพเราจากสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยา oxidation จากโลกแห่งโรงงานอุตสาหกรรมอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เช่น มลภาวะ สารเคมี ไวรัส แบคทีเรีย และผลจากโรคหัวใจและมะเร็ง
ทับทิม ผลไม้ผลกลมๆ ที่เต็มไปด้วยเมล็ดที่เบียดกันแน่นเต็มในผล ที่หลายท่านเคยพบเห็น และรู้จักกันมานานแล้ว แต่ในอดีตรสชาติออกหวานอมเปรี้ยว หากจะหาทานทับทิมที่มีรสชาติที่หวานหอมถูกปากถูกใจ เรียกว่าหาได้ยากจึงไม่เป็นที่นิยม ส่วนใหญ่มักเป็นที่นิยมในการนำมาบูชาเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยชื่อทับทิมมีโฉลกที่เป็นมงคล
แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทับทิมเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาสายพันธุ์ ที่ผลทับทิมมีเมล็ดสีแดงสด รสชาติที่หวานถูกใจ ประกอบผลงานวิจัยล้วนบ่งชี้ว่า ทับทิม น้ำทับทิม และเปลือกล้วนมีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกาย เป็นยารักษาโรค ตลอดถึงความสามารถในการยับยั้งเซลล์มะเร็งที่ดี
คุณสมบัติทางการแพทย์ ผลทับทิมหรือเมล็ดทับทิมมีวิตามินมากมาย ทั้งเอ, ซี, อี และอีกหลายชนิด รวมถึงแมกนีเซียม และแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย และยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูง เหมาะสำหรับการทาน และการดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ทับทิมในรูปน้ำสดและผ่านการหมัก พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริง และทับทิมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย เช่น


* ช่วยการฟื้นฟูและเสริมสุขภาพของหัวใจและตับให้ดีขึ้น
* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
* ขจัดไขมันส่วนเกิน
* เป็นยาบำรุงกำลัง
* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
* ป้องกันต่อมลูกหมากโต
* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
* ทำให้ผิวสวย
* ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ดี
* เสริมการทำงานของหลอดเลือด
* ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง

ผลการวิจัยทางการแพทย์ ทั้งจากสหรัฐ อิสราเอล และหลายสถาบันพบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดดีขึ้น และไม่เพียงแต่ลดการสะสมไขมันในตัวเส้นลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือด ที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้ว ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย
สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิม ยังช่วยบำรุงตับ โดยมีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลอง ก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนูทดลองที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง (Hepatoprotectiv effect) งานวิจัยน้ำทับทิม ยังพบว่าน้ำทับทิม ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักล้วนมีผลต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน (Human breast cell) พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย
จากการทดลองในผู้ป่วย น้ำทับทิมมีคุณสมบัติ ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อยอีกด้วย คือลดได้ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์
นักวิทยาศาสตร์ในอิสราเอล พบว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละแก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
คณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ยกย่องสรรพคุณของน้ำผลทับทิมคั้น ในทางบำรุงเลือดลมว่า ไม่แพ้ยา “ไวอากร้า” อันเป็นยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ
ในประเทศญี่ปุ่นมีรายงานว่า ทับทิมมีสรรพคุณในการบรรเทาโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย
เป็นงัยบ้างล่ะคะทับทิมผลไม้บ้านเรา มีคุณประโยชน์มากมายจริงๆ ทั้งในด้านอาหารและการบำรุงสุขภาพร่างกาย ขนาดฝรั่งทั่วโลกหันมาวิจัยค้นคว้า เดี๋ยวเถอะพวกเขาคงจะผลิตมาขายกันกระจุย แหมก็สรรพคุณซะขนาดนั้น แต่ถ้าแน่ๆ แตงกาวคิดว่าทานสดเป็นลูกๆ ดีกว่านะคะ เพราะอย่างน้อยเราก็รู้ว่าเป็นทับทิม ถ้าบ้านท่านใดมีพื้นที่ ปลูกทับทิมไว้ พอลูกทับทิมโตได้ที่ก็ใช้ประโยชน์ได้เลย อันนี้ซิ สด สด จากบ้านเราเอง ไม่มียาฆ่าแมลงมากวนใจ ชัวร์ดีค่าาาา....

น้ำทับทิม


ทับทิมถ้าจะให้ดีควรใช้ทับทิมที่มีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งตามคัมภีร์อายุรเวทกล่าวว่าเนื้อลูกทับทิมมีสรรพคุณแก้กระหาย แก้ไข้ แก้ร้อนใน ช่วยดับกลิ่นปาก แก้ท้องเสีย บำรุงกำลัง บำรุงกระเพาะอาหาร ส่วนทับทิมรสเปรี้ยวถ้ากินมากอาจทำให้ธาตุไฟกำเริบได้ คือทำให้ร่างกายร้อนขึ้นน้ำทับทิม ส่วนผสม- เนื้อลูกทับทิม - น้ำต้มสุก- น้ำเชื่อม - เกลือป่น วิธีทำทับทิมแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยใส่ในผ้าขาวบาง ขยำ เติมน้ำต้มสุก 1 ถ้วย ขยำซ้ำอีก กะว่าให้ได้เนื้อออกมาจากเมล็ดมากที่สุด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำมาเติมน้ำเชื่อมและเกลือป่น คนให้ละลายชิมและปรุงจนได้รสตามใจชอบ หรือจะใช้วิธีปั่นโดยเอาเนื้อทับทิม(ที่มีเมล็ด)ปั่นรวมกับน้ำต้มสุกอย่างละเท่ากัน ปั่นจนแหลกดีแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาผสมน้ำเชื่อมและเกลือ
วิธีปั่นโดยใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้จะเหมาะกับทับทิมที่มีเนื้อมากกว่าเมล็ด ถ้าเนื้อน้อยแล้วเอาไปปั่นจะทำให้น้ำที่ได้มีรสฝาดสักหน่อย

ประโยชน์:น้ำทับทิม



น้ำทับทิม : เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิตทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
* ขจัดไขมันส่วนเกิด
* เป็นยาบำรุงกำลัง
* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
* ทำให้ผิวหน้าสวย
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก ด้วยความสามารถที่สูงของสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม มีผลถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆกันอีกต่อไป งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางการแพทย์ ยังมีอีกรายงานที่พบว่าไม่เพียงแต่ลดการสะสมไขมันในตัวเส้นลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือด ที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นรายงานใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่เชื่อถือได้ และจากการทดลองในผู้ป่วยน้ำทับทิมมีคุณสมบัติ ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อยอีกด้วย คือลดได้ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ต้องการผลนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทานมากขนาดนั้น สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิม ยังบำรุงตับ โดยมีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลองก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนุที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง (Hepatoprotectiv effect) ยังมีงานวิจัย ด้วยน้ำทับทิม ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน (Human breast cell) พบว่ามีฤทธิ์ในการ ยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย ในประเทศญี่ปุ่นมีรายการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง สภาพตลาดทับทิมระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ในประเทศเยอรมันมี นอกจาก จะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด น้ำทับทิมจึงเป็นน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ และเป็นของที่มาจากธรรมชาติ นับเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่มีผลบำรุงร่างกายที่แท้จริง

น้ำทับทิม

ทับทิม เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิม สามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่แท้ที่จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย ทับทิม เป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ถูกนำมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ใน ทับทิม ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย และทำเป็นผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก คุณประโยชน์ของทับทิม ในตำราแพทย์สมัยโบราณ เปอร์เซียในผล ทับทิม มีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้ง แมกนีเซียม และ แคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบ ฟอกโลหิต และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้



- การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของ หัวใจ และ ตับ


- การฟอกไต และ ท่อปัสสาวะ


- ขจัดไขมันส่วนเกิน


- เป็นยาบำรุงกำลัง


- ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง


- ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต


- สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ


- ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง


- ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ




คุณประโยชน์ของ น้ำทับทิม จากการวิจัยทางการแพทย์


1. น้ำทับทิม มี สารต้านอนุมูลอิสระ หลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก


2. สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ปัองกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะทำให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามมา


3. ทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้ว ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงได้อีกด้วย


4. ลดความดันโลหิต ได้เล็กน้อย ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ ความดันโลหิตสูง ถ้ารับประทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์


5. บำรุงตับ ปัองการเป็นพิษต่อตับจากสารพิษได้


6. สารต้านอนุมูลอิสระ จาก น้ำทับทิม มีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ (Human Breast Cell)ในประเทศญี่ปุ่น มีรายการแนะนำ ทับทิม ทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิม มีสรรพคุณในการบรรเทา โรคหัวใจ และ ความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ ทับทิม เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง

สูตรหน้าใสไร้ริ้วรอยด้วยน้ำทับทิม


เคล็ดลับความงามจากผลไม้ ที่ใกล้ตัวแถมยังอร่อยอีกด้วย นั่นคือผลทับทิม การนำเมล็ดมาคั้นน้ำเพื่อใช้ดื่มเป็นประจำทุกวัน ๆ ละ 1 แก้วเล็กประโยชย์สอง คือการใช้นำทับทิมล้างหน้า จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สำลีชุบน้ำทับทิมแล้วพอกลงบนผิวหน้า พักไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่งสวยใส ไร้ริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
Nature Talkน้ำทับทิม อุดมคุณค่าวิตามิน C สูงเกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดนอกจากจะช่วยบำรุงโลหิตแล้ว น้ำทับทิมยังช่วยเพิ่มพลังงานและบำรุงผิวพรรณ

น้ำทับทิม

น้ำทับทิม มีรสหวานอมเปรี้ยว ส่วนผสม เนื้อลูกทับทิม 1 ถ้วย น้ำต้มสุก 1 ถ้วย น้ำเชื่อม ตามชอบ เกลือ ตามชอบวิธีทำน้ำทับทิม ทับทิมแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วย ใส่ในผ้าขาวบางขยำเติมน้ำต้มสุข 1 ถ้วย ขยำซ้ำอีก กะว่าให้ได้เนื้อออกมาจากเมล็ดมากที่สุด จากนั้นนำมาเติมน้ำเชื่อมและเกลือป่น คนให้ละลาย ชิมตามชอบทับทิม เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก สามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 80 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่า ทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

- การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
- การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
- สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
- ขจัดไขมันส่วนเกิด
- เป็นยาบำรุงกำลัง
- ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
- ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
-ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
- การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
- สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
- ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
- ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
- ทำให้ผิวหน้าสวย

โรคเบาหวานกับน้ำทับทิม



ตามระบบปกติ เมื่อคนเรารับประทานอาหารประเภทแป้ง ข้าว น้ำตาล เข้าไปในร่างกาย จะถูกย่อยสลายเป็นน้ำตาลหน่วยที่เล็กที่สุด และถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด และจะมีฮอร์โมนชื่ออินซูลิน (ผลิตมาจากตับอ่อน) เป็นตัวนำน้ำตาลเข้าสู่เซลของร่างกาย โดยผนังเซลจะเปิดรับน้ำตาลเข้าไป และเซลจะนำน้ำตาลไปเผาผลาญให้เกิดพลังงาน ทำให้ร่างกายมีพลัง สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เซลของร่างกายจะมีความสมบูรณ์จากพลังงานที่ได้จากการเผาผลาญน้ำตาลด้วยในกรณีของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน น้ำตาลไม่สามารถเข้าสู่เซลของร่างกายได้ตามปกติ ทำให้น้ำตาลยังคงอยู่ในกระแสเลือดเป็นจำนวนมาก และไตจะกรองน้ำตาลแล้วขับออกมาทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีน้ำตาลมากน้ำตาลไม่เข้าสู่เซลของร่างกายมี 2 สาเหตุคือ
1. ไม่มีฮอร์โมนอินซูลินนำน้ำตาลเข้าสู่เซล เนื่องจากตับอ่อนไม่ผลิตอินซูลิน หรือผลิตได้แต่เป็นอินซูลินที่ไม่มีคุณภาพ จึงทำให้ไม่สามารถพาน้ำตาลเข้าไปในเซลได้ น้ำตาลจึงยังคงอยู่ในเลือด (เบาหวานประเภทนี้พบได้ในเด็กหรือวัยรุ่น ต้องรักษาโดยการฉีดอินซูลิน)
2. ผนังเซลไม่เปิดรับน้ำตาล เป็นความผิดปกติของเซลร่างกายเอง (พบได้ในผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป และพบได้มากกว่าประเภทที่ 1 เบาหวานประเภทนี้รักษาโดยการลดน้ำตาลในเลือดเท่านั้น ด้วยการกินยาหรือควบคุมอาหาร) ตับอ่อนจะผลิตอินซูลินตามปกติ อินซูลินพาน้ำตาลมาสู่เซล แต่ผนังเซลไม่สามารถเปิดรับน้ำตาล น้ำตาลจึงเข้าไปในเซลไม่ได้ น้ำตาลจึงยังคงอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณมากผลของการที่น้ำตาลเข้าสู่เซลไม่ได้
1. ทำให้เซลร่างกายทรุดโทรมไม่มีพลังงาน คนเป็นเบาหวานจึงผอมลงและดูร่วงโรยผิดปกติ เพราะเซลไม่มีน้ำตาลไปบำรุง เหมือนต้นไม้ที่ไม่มีน้ำ ไม่มีปุ๋ยจากธรรมชาติไปหล่อเลี้ยง
2. ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้ตามปกติ คนเป็นเบาหวานจึงเหนื่อยง่าย เพราะเซลไม่มีพลังงาน เหมือนไฟฉายที่แบตเตอรี่อ่อน พลังไฟจึงไม่แรง ไม่มีแสงสว่าง
3. ทำให้ปลายประสาทอักเสบ ทำให้มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า หมดความรู้สึกทางเพศน้ำทับทิมจะช่วยดูแลฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานอย่างไร
1. ช่วยบำรุงเซลของร่างกาย เนื่องจากน้ำทับทิมมีสารอาหารและวิตามินหลายชนิด จะช่วยบำรุงเซลให้มีความแข็งแรง ทำให้ร่างกายไม่ดูทรุดโทรมหรือร่วงโรย สารอาหารในน้ำทับทิมเหมือนเป็นปุ๋ยเคมีที่จะช่วยบำรุงต้นไม้แทนปุ๋ยจากธรรมชาติ
2. ทำให้เซลของผู้ป่วยเบาหวานมีพลังงาน ในน้ำทับทิมมีแร่ธาตุแมกนีเซี่ยมและแคลเซี่ยม ทำให้เซลมีพลัง ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย เหมือนชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม
3.บำรุงปลายประสาท สารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุในน้ำทับทิมจะช่วยบำรุงปลายประสาท ทำให้ปลายประสาทมีการรับรู้ดีขึ้น จึงช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้หมายเหตุ น้ำทับทิมไม่ได้รักษาโรคเบาหวาน (เบาหวานยังคงเป็นเหมือนเดิม และต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ตามปกติ) แต่น้ำทับทิมจะช่วยบำรุงฟื้นฟูเซลของร่างกายให้มีพลัง ไม่ร่วงโรย ไม่ทรุดโทรม โดยจะต้องรับประทาน วันละ 30 มล. ทุกวันติดต่อกัน เป็นเวลาประมาณ 3-6 เดือน จึงจะเห็นผล

น้ำทับทิมช่วย เจ้าโลก ดึ๋งดั๋ง


ข่าว แปลก เมื่อมีการพบว่า ทับทิม นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง แต่ประโยชน์ที่หนุ่มๆ ทั้งหลายชอบก็คงเป็นการที่ ทับทิม จะช่วยให้ เจ้าโลก นั้นลุกขึ้นมาต่อสู้ได้เหมือนเดิม โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาไวอากร้าเลย
แวดวงการแพทย์และนักโภชนาการยกย่องผลทับทิมเป็น "สุดยอดผลไม้" เพราะเปี่ยมคุณค่าอาหาร ทรงสรรพคุณทางโอสถ รับประทานผลทับทิมประจำจะไม่อ้วน แถมลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจคุกคาม สำหรับบุรุษยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากอีกต่างหาก การดื่มน้ำทับทิมคั้น ร่างกายจะได้รับ "สารยับยั้งการรวมตัวระหว่างโลหิตกับออกซิเจน-antioxidation" มากกว่าน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ รวมทั้งมากกว่าสารนี้จากน้ำชาและไวน์แดง ซึ่งเชื่อว่ามีสารออกซิเดชั่นมากอยู่แล้ว ล่าสุดเรามีข่าวดีมาฝากประดาชาย "เล่านั้ง-เคียวห่วย" นกเขาไม่ขัน เจ้าโลกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งฉันใดมันไม่ยอมชูหัวผงาดโง้งดั่งใจหมาย นักวิทยาศาสตร์ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตนครลอสแอนเจลิส ภายใต้การนำของ ดร.คริสโตเฟอร์ ฟอเรสต์ ศึกษาอาสาสมัคร 53 คน อายุ 21-70 ปี ซึ่งประสบปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่รุนแรงถึงปานกลาง โดยทดลองให้ดื่ม "น้ำทับทิมคั้น" คนละ 8 ออนซ์ แกล้มอาหารมื้อเย็นทุกวัน ปฏิบัติอยู่เพียงเดือนเดียว พบผลสรุปว่าน้ำทับทิมช่วยเพิ่มระดับ "ไนตริก ออกไซด์" ขยายผนังเส้นเลือด ชุบชีวิตองคชาตจาก "ไอ้จ้อนคอพับหัวห้อย" เป็น "มังกรยักษ์ผงาด" ทำเอาเหล่าอาสาสมัครแสนปลื้มทั่วหน้า ดร.ฟอเรสต์ บอกดื่มน้ำทับทิมแค่วันละหนึ่งแก้ว ไม่ต้องพึ่งพายาไวอากร้า!?

น้ำทับทิมเข้มข้น นำเข้า คุณภาพดี100%รักษาเครื่องใน บำรุงผิวพรรณ ขจัดไขมันส่วนเกิน


...ผลิตจากน้ำทับทิมเข้มข้น นำเข้า คุณภาพดี100% ทับทิมเป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก คุณประโยชน์ของทับทิม ในตำราแพทย์สมัยโบราณเปอร์เซีย(ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำหรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าในทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซี่ยมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต ดังต่อไปนี้
- การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
- การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
- ขจัดไขมันส่วนเกิน
- เป็นยาบำรุงกำลัง
- ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
- ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
- ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
- ทำให้ผิวหน้าสวย
ผลวิจัยทางการแพทย์
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
2.สามารถลดการสะสมของไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด
3.บำรุตับ ป้องกันการเป็นพิษต่อตับจากสารพิษได้
4.สารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำทับทิม มีผลยับยั้งเซลมะเร็งเต้านมของมนุษย์ ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น วิธีรับประทาน วันละ 1 ช้อนโต๊ะ ( 15 ซี.ซี) เวลาใดก็ได้

น้ำทับทิม

คณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ยกย่องสรรพคุณของน้ำผลทับทิมคั้น ในทางบำรุงเลือดลมว่า ไม่แพ้ยา “ไวอากร้า” อันเป็นยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ หน่วยงานวิจัยด้านมะเร็งนานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดขององค์การอนามัยโลก ประกาศจะขึ้นบัญชีการทำงานกลางคืน เทียบเท่ากับว่าเป็นสารก่อมะเร็ง การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นบนพื้นฐานการทบทวนงานวิจัยหลายชิ้นที่พบอัตราการเป็นมะเร็ง ทรวงอก และมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นในหมู่ชายหญิงที่ทำงานตอนกลางคืน สมาคมโรคมะเร็งกล่าวว่า จะดำเนินตามคำวินิจฉัยนั้น แต่ยังคงพิจารณาว่าความเชื่อมโยง ของมะเร็งจากการทำงานยังอยู่ในขั้น “ไม่แน่นอน” หรือ “ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้” เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยที่ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น ในกลุ่มคนทำงานกะดึก เว็บไซต์ของสมาคมฯยังมีข้อสังเกตว่าสารก่อมะเร็งไม่เป็นเหตุ ให้เกิดมะเร็งเสมอไป ถ้าหากทฤษฎีการทำงานกลางคืนพิสูจน์ได้ในที่สุดว่าเป็นจริงนั้นจะทำให้คนเรือนล้านทั่วโลก ได้รับผลจากทฤษฎีนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดประมาณว่าเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรวัยทำงานในประเทศพัฒนาแล้วเป็นคนทำงานกะกลางคืน เหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์คาดหมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างการทำงานกะดึกกับการเกิดมะเร็ง เพราะว่ามันเข้าไปขัดจังหวะการทำงานของนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย และฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งสามารถกดการเติบโตของก้อนเนื้อนั้น โดยปกติจะมีการผลิตขึ้นมาในเวลากลางคืน “การนอนไม่พอจะทำให้ระบบภูมิคุ้มโรคอ่อนแอถูกจู่โจมได้ง่ายและสามารถต่อสู้ กับเซลล์มะเร็งได้น้อยลง” น้ำทับทิม...ยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งต่อมลูกหมากมีคุณค่าทางอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด งานวิจัยยังพบว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละ 1 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้งน้ำมันสกัดจากเมล็ดทับทิมหรือไวท์ทับทิมยังช่วยป้องก้นโรคมะเร็งเต้านมด้วยล่าสุดมีงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละ 1 แก้ว (8 ออนซ์ หรือ 0.24 ลิตร) ยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยสารในน้ำทับทิมลดการทำลายเซลล์ปกติ และฆ่าเซลล์มะเร็ง ในงานวิจัยศึกษาผู้ป่วยต่อมลูกหมากที่เคยรับการรักษาโดยการผ่าตัดและฉายรังสีรักษาจนหายแล้ว พบว่า จะมีสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากในเลือดที่ชื่อ พี เอส เอ ( Prostate Specific Antigen,PSA) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งแสดงได้ว่ามีการกำเริบของโรคนี้อีกครั้ง สาร PSA เป็นสารโปรตีนที่ผลิตโดยต่อมลูกหมาก มีการศึกษาผู้ที่ดื่มน้ำทับทิมนานกว่า 3 ปี จะมีค่า PSA ต่ำลงแม้จะไม่ได้ทำการรักษาอะไรเลยทีมวิจัยเชื่อว่า ผลทับทิมอุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะ สารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งมีปริมาณมากว่าในไวท์แดงและชาเขียวเสียด้วย นอกจากนั้นทับทิมยังมีสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ที่มักพบในถั่วเหลือง สารตัวนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เซลล์มะเร็งตาย จึงเชื่อกันว่าน้ำทับทิมจะช่วยลดอัตราการตายจากโรคมะเร็งได้ ลองหันมาดื่มสมุนไพรดู...ของดีราคาถูกหาง่ายงดการขาดดุลยจากการนำเข้าอาหารและยาจากต่างประเทศอีกด้วย... ที่มา : ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต น้ำทับทิม : เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิต ทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้ * การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ * การฟอกไตและท่อปัสสาวะ * สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย * ขจัดไขมันส่วนเกิด * เป็นยาบำรุงกำลัง * ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง * ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน * ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต * การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ * ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง * ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ * ทำให้ผิวหน้าสวย การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก ด้วยความสามารถที่สูงของสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม มีผลถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆกันอีกต่อไป งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางการแพทย์ ยังมีอีกรายงานที่พบว่าไม่เพียงแต่ลดการสะสมไขมันในตัวเส้นลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือด ที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นรายงานใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่เชื่อถือได้ และจากการทดลองในผู้ป่วยน้ำทับทิมมีคุณสมบัติ ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อยอีกด้วย คือลดได้ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ต้องการผลนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทานมากขนาดนั้น สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิม ยังบำรุงตับ โดยมีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลองก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนุที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง (Hepatoprotectiv effect) ยังมีงานวิจัย ด้วยน้ำทับทิม ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน (Human breast cell) พบว่ามีฤทธิ์ในการ ยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย ในประเทศญี่ปุ่นมีรายการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง สภาพตลาดทับทิมระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ในประเทศเยอรมันมี นอกจาก จะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด น้ำทับทิมจึงเป็นน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ และเป็นของที่มาจากธรรมชาติ นับเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่มีผลบำรุงร่าง