27.12.51

น้ำทับทิม

คณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ยกย่องสรรพคุณของน้ำผลทับทิมคั้น ในทางบำรุงเลือดลมว่า ไม่แพ้ยา “ไวอากร้า” อันเป็นยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ หน่วยงานวิจัยด้านมะเร็งนานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดขององค์การอนามัยโลก ประกาศจะขึ้นบัญชีการทำงานกลางคืน เทียบเท่ากับว่าเป็นสารก่อมะเร็ง การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นบนพื้นฐานการทบทวนงานวิจัยหลายชิ้นที่พบอัตราการเป็นมะเร็ง ทรวงอก และมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นในหมู่ชายหญิงที่ทำงานตอนกลางคืน สมาคมโรคมะเร็งกล่าวว่า จะดำเนินตามคำวินิจฉัยนั้น แต่ยังคงพิจารณาว่าความเชื่อมโยง ของมะเร็งจากการทำงานยังอยู่ในขั้น “ไม่แน่นอน” หรือ “ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้” เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยที่ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น ในกลุ่มคนทำงานกะดึก เว็บไซต์ของสมาคมฯยังมีข้อสังเกตว่าสารก่อมะเร็งไม่เป็นเหตุ ให้เกิดมะเร็งเสมอไป ถ้าหากทฤษฎีการทำงานกลางคืนพิสูจน์ได้ในที่สุดว่าเป็นจริงนั้นจะทำให้คนเรือนล้านทั่วโลก ได้รับผลจากทฤษฎีนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดประมาณว่าเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรวัยทำงานในประเทศพัฒนาแล้วเป็นคนทำงานกะกลางคืน เหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์คาดหมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างการทำงานกะดึกกับการเกิดมะเร็ง เพราะว่ามันเข้าไปขัดจังหวะการทำงานของนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย และฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งสามารถกดการเติบโตของก้อนเนื้อนั้น โดยปกติจะมีการผลิตขึ้นมาในเวลากลางคืน “การนอนไม่พอจะทำให้ระบบภูมิคุ้มโรคอ่อนแอถูกจู่โจมได้ง่ายและสามารถต่อสู้ กับเซลล์มะเร็งได้น้อยลง” น้ำทับทิม...ยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งต่อมลูกหมากมีคุณค่าทางอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด งานวิจัยยังพบว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละ 1 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้งน้ำมันสกัดจากเมล็ดทับทิมหรือไวท์ทับทิมยังช่วยป้องก้นโรคมะเร็งเต้านมด้วยล่าสุดมีงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละ 1 แก้ว (8 ออนซ์ หรือ 0.24 ลิตร) ยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยสารในน้ำทับทิมลดการทำลายเซลล์ปกติ และฆ่าเซลล์มะเร็ง ในงานวิจัยศึกษาผู้ป่วยต่อมลูกหมากที่เคยรับการรักษาโดยการผ่าตัดและฉายรังสีรักษาจนหายแล้ว พบว่า จะมีสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากในเลือดที่ชื่อ พี เอส เอ ( Prostate Specific Antigen,PSA) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งแสดงได้ว่ามีการกำเริบของโรคนี้อีกครั้ง สาร PSA เป็นสารโปรตีนที่ผลิตโดยต่อมลูกหมาก มีการศึกษาผู้ที่ดื่มน้ำทับทิมนานกว่า 3 ปี จะมีค่า PSA ต่ำลงแม้จะไม่ได้ทำการรักษาอะไรเลยทีมวิจัยเชื่อว่า ผลทับทิมอุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะ สารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งมีปริมาณมากว่าในไวท์แดงและชาเขียวเสียด้วย นอกจากนั้นทับทิมยังมีสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ที่มักพบในถั่วเหลือง สารตัวนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เซลล์มะเร็งตาย จึงเชื่อกันว่าน้ำทับทิมจะช่วยลดอัตราการตายจากโรคมะเร็งได้ ลองหันมาดื่มสมุนไพรดู...ของดีราคาถูกหาง่ายงดการขาดดุลยจากการนำเข้าอาหารและยาจากต่างประเทศอีกด้วย... ที่มา : ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต น้ำทับทิม : เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิต ทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้ * การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ * การฟอกไตและท่อปัสสาวะ * สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย * ขจัดไขมันส่วนเกิด * เป็นยาบำรุงกำลัง * ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง * ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน * ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต * การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ * ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง * ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ * ทำให้ผิวหน้าสวย การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก ด้วยความสามารถที่สูงของสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม มีผลถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆกันอีกต่อไป งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางการแพทย์ ยังมีอีกรายงานที่พบว่าไม่เพียงแต่ลดการสะสมไขมันในตัวเส้นลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือด ที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นรายงานใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่เชื่อถือได้ และจากการทดลองในผู้ป่วยน้ำทับทิมมีคุณสมบัติ ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อยอีกด้วย คือลดได้ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ต้องการผลนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทานมากขนาดนั้น สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิม ยังบำรุงตับ โดยมีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลองก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนุที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง (Hepatoprotectiv effect) ยังมีงานวิจัย ด้วยน้ำทับทิม ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน (Human breast cell) พบว่ามีฤทธิ์ในการ ยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย ในประเทศญี่ปุ่นมีรายการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง สภาพตลาดทับทิมระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ในประเทศเยอรมันมี นอกจาก จะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด น้ำทับทิมจึงเป็นน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ และเป็นของที่มาจากธรรมชาติ นับเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่มีผลบำรุงร่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น